ความแตกต่างของผักกาดแก้วและผักกาดหอม
ผักกาดแก้วผักมากคุณประโยชน์ อาชีพเสริมรายได้ดีวันนี้ เป็นเรื่องของผักกาดแก้วค่ะ หากพูดถึงอาหารเพื่อสุขภาพอย่างเช่นสลัดผักหลายคนคงนึกถึงผักกาดแก้วหรือผักกาดหอมที่เป็นส่วนประกอบหลัก และเชื่อว่าหลายคนอาจสงสัยหรือมีคำถามว่า ผักกาดแก้ว กับผักกาดหอมเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ผู้เขียนมีคำตอบและมีเกร็ดความรู้ดีๆเกี่ยวกับผักกาดแก้วมาฝากค่ะ ผักกาดแก้วเป็นผักมากคุณประโยชน์ เพราะมีแคลอรี่ต่ำเป็นแหล่งรวมของธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงระบบประสาท บำรุงโลหิตและยังเป็นแหล่งรวมคลอโรฟีลล์และวิตามินเคที่ช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก การนำผักกาดแก้วมาเป็นส่วนประกอบในการทำสลัดผักขายจึงเป็นอาชีพเสริมรายได้ดีเพราะคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพโดยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น ผักกาดแก้วนิยมทานสดๆร้านอาหารนิยมใช้เป็นผักทานคู่กับสเต็ก ทำไส้แซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ และใช้ทำสลัดเกือบทุกชนิด ส่วนสลัดผักที่เราเห็นขายกันอยู่ทั่วไปนิยมใช้ผักกาดหอม อาจเนื่องมาจากผักกาดแก้วเป็นผักที่สามารถปลูกเป็นผักสวนครัวขายปลูกได้ดีในพื้นที่อากาศเย็น เช่นทางภาคเหนือ มีฤดูกาลปลูกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม แตกต่างจากผักกาดหอมที่ปลูกได้ทั่วไปและปลูกได้ทุกสภาพอากาศทำให้หาง่ายในท้องตลาด ส่วนคนที่สนใจทำสลัดผักขายเป็นอาชีพเสริมรายได้ดี จึงนิยมใช่ผักกาดหอมมากกว่าผักกาดแก้ว ความแตกต่างของผักกาดแก้วและผักกาดหอม 1.ผักกาดแก้วเป็นผักที่มีสีเขียวอ่อนค่อนข้างขาว ส่วนผักกาดหอมใบจะมีสีเขียวเข้มกว่า 2.ผักกาดแก้วใบจะหนา ลักษณะหยิกเป็นคลื่นทั้งใบและห่อตัวเป็นหัวคล้ายกะหล่ำปลี 3.ผักกาดหอมลำต้นเตี้ยมีลักษณะเป็นกอ ขอบใบมีรอยหยิก 4.ผักกาดแก้ว รสชาติจืด ชุ่มน้ำและกรอบมากไม่เหม็นเขียวนิยมใช้เป็นผักในจานสลัด ทานคู่กับสเต็กแซนวิช และแฮมเบอร์เกอร์ 5.ผักกาดหอมจะมีรสขม นอกจากทานสดๆเป็นผักแนบกับสาคูไส้หมูและอาหารได้หลากหลายชนิดแล้ว ยังใช้เป็นผักในแกงจืดหรือต้มเลือดหมูได้ด้วย ทราบคุณประโยชน์ของผักกาดแก้วและความแตกต่างระหว่างผักกาดแก้วกับผักกาดหอมกันแล้วคงช่วยให้คนที่ชื่นชอบการทำอาหารทั้งทำเป็นอาชีพเสริมรายได้ดีหรือทำทานเองเลือกใช้ผักกาดแก้วกับผักกาดหอมได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับเมนูอาหารที่ทำนะค่ะ
การปลูกผักกาดขาวขายเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานที่น่าสนใจ
ผักกาดขาวปลูกได้ตลอดทั้งปีเหมาะปลูกขายเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงาน “ผักกาดขาว” เป็นผักเศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการตลอดทั้งปี เพราะใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารได้หลากหลายชนิด นอกจากนั้นยังทานดิบๆเป็นผักเคียงคู่กับอาหารรสจัดอย่างเช่น ลาบ น้ำตาก หรือส้มตำ การปลูกผักกาดขายเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานที่น่าสนใจเพราะเป็นผักที่ปลูกได้ตลอดทั้งปี วิธีปลูกและการดูแลรักษาก็ไม่ยุ่งยาก สำหรับคนที่ต้องการปลูกผักกาดขาวขายเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงาน วันนี้ผู้เขียนมีคำแนะนำดีๆมาฝากค่ะ วิธีการปลูกผักกาดขาวการดูแลและบำรุงรักษาทำให้ได้ต้นผักกาดขาวที่สมบูรณ์ที่สุด การปลูกผักกาดขาวมีขั้นตอนไม่ยุ่งยากและปลูกได้ 2 วิธีคือปลูกลงในแปลงที่เตรียมดินไว้แล้ว และการปลูกโดยวิธีเพาะกล้าเมื่อได้กล้าพันธุ์ผักกาดตามขนาดที่ต้องการแล้วจึงย้ายไปปลูกในแปลง สำหรับคนที่สนใจปลูกผักกาดขายเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานจะเลือกใช้วิธีใดก็ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวก แต่วิธีที่ผู้เขียนอยากจะแนะนำก็คือการเพาะกล้าพันธุ์ก่อนแล้วค่อยนำต้นกล้าไปปลูกลงในแปลงดิน เพราะเป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดเมล็ดพันธุ์ ทำให้ได้ต้นผักกาดขาวที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วนเมล็ดพันธุ์ผักกาดที่นิยมนำมาปลูก เช่นเมล็ดพันธุ์ตราช้าง ตราเครื่องบิน ตราดอกโบตั๋น หรือพันธุ์เทียนจิน การปลูกผักสวนครัว การดูแลและบำรุงรักษา ผักกาดเป็นผักที่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอจึงต้องรดน้ำให้ชุ่มอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งคือช่วงเช้าและเย็น และต้องใส่ปุ๋ยในช่วงเตรียมดินเพื่อเป็นปุ๋ยรองพื้น และใส่ปุ๋ยอีกครั้งเมื่อผักกาดขาวอายุประมาณ 20 วัน โดยใช้ปุ๋ยสูตร 20-10-10หากมีหนอนหรือเพลี้ยรบกวนอาจใช้สารเคมีที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคฉีดพ่นหรือใช้น้ำยาฆ่าแมลงที่ทำจากใบสะเดาซึ่งนอกจากปลอดภัยและดีต่อสุขภาพแล้วยังช่วยประหยัดต้นทุนอีกด้วย การเก็บเกี่ยว ผักกาดขาวจะตัดขายได้เมื่อมีอายุประมาณ 40-50 วันหรือ 50-80 วันขึ้นอยู่กับพันธุ์ที่นำมาปลูกราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 35-40 บาท การปลูกผักกาดขาวสามารถทำเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานได้เพราะการดูแลบำรุงรักษาไม่ยุ่งยากสามารถรถน้ำในช่วงก่อนไปทำงานและหลังจากเลิกงานแล้ว หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการปลูกผักสวนครัวอยู่แล้วปลูกผักกาดขาวเป็นอาชีพที่น่าสนใจค่ะ